หน้าปัดสีฟ้า-เขียว
รูปสามเหลี่ยมสีแดงกลับหัวบนหน้าปัดจะชี้ไปที่เวลาอ้างอิงที่ผู้สวมใส่เลือก ส่วนเวลาในถิ่นพำนักหรือที่ทำงานของนักเดินทางอ่านได้จากดิสก์ 24 ชั่วโมงที่ตั้งอยู่เยื้องศูนย์กลาง ส่วนแสดงผล 24 ชั่วโมงนี้ช่วยให้นักเดินทางแยกเวลาช่วงกลางวันออกจากเวลาตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจนในเขตเวลาที่ห่างไกล ปัจจุบันหน้าปัดประกอบด้วยเครื่องหมายบอกชั่วโมงรูปสี่เหลี่ยมและเข็มบอกเวลาที่ยาวขึ้น และหน้าปัดโครมาไลท์เรืองแสงที่ส่องสว่างตลอดเวลาทำให้อ่านเวลาได้ง่ายขึ้น สี่เหลี่ยมสีแดงเข้มบริเวณ 1 ใน 12 ช่องรอบหน้าปัดแสดงเดือนปัจจุบัน และโดดเด่นด้วยคุณลักษณะพิเศษของปฏิทินรายปี Saros กลไกอันชาญฉลาดนี้ทำให้ผู้สวมใส่ใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายโดยไม่จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องการตั้งวันที่เมื่อสิ้นสุดเดือนที่มี 30 วัน และปฏิทินรายปีจะแสดงวันที่ได้อย่างถูกต้องตลอดทั้งปี โดยต้องปรับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือวันที่ 1 มีนาคม (เนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์มีเพียง 28 หรือ 29 วัน) วันที่จะเชื่อมโยงกับเวลาท้องถิ่นและเปลี่ยนอัตโนมัติตามเขตเวลาท้องถิ่นของนักเดินทาง
ขอบหน้าปัดแบบร่อง
ขอบหน้าปัดแบบร่องของ Rolex เป็นสัญลักษณ์ของความแตกต่าง แต่เดิมร่องของขอบหน้าปัด Oyster มีขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ด้านการใช้งาน โดยทำหน้าที่ยึดขอบหน้าปัดลงบนตัวเรือนเพื่อประกันประสิทธิภาพในการกันน้ำของนาฬิกา ดังนั้นจึงเหมือนกับร่องบริเวณด้านหลังตัวเรือน ซึ่งต้องใช้เครื่องมือพิเศษเฉพาะของ Rolex ในการยึดลงบนตัวเรือนเพื่อการกันน้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเซาะร่องได้กลายเป็นองค์ประกอบที่มีความงดงาม และเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Rolex อย่างแท้จริง ปัจจุบันขอบหน้าปัดแบบร่องได้เป็นเครื่องหมายของความแตกต่าง และมักทำจากทองคำหรือแพลทินัม Sky-Dweller ประกอบด้วยระบบ Ring Command คือการทำงานร่วมกันระหว่างขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ เม็ดมะยมไขลาน และกลไกการทำงานของนาฬิกาที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเลือกและตั้งค่าแต่ละฟังก์ชันของเรือนเวลาได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และแม่นยำ
Everose gold 18 กะรัต
เพื่อรักษาความงามของนาฬิกาพิงค์โกลด์ Rolex ได้สร้างสรรค์และจดสิทธิบัติพิงค์โกลด์อัลลอยพิเศษ 18 กะรัต ที่หล่อภายในโรงหลอมของแบรนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ Everose gold เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 เอเวอโรส 18 กะรัตได้รับการนำมาใช้กับนาฬิกา Rolex ทุกรุ่นในสีพิงค์โกลด์