Rolex และดิ อมุนดิ เอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ

นับตั้งแต่การแข่งขันครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อน รายการดิ อมุนดิ เอวิยอง แชมเปี้ยนชิพก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างก้าวกระโดด และกลายเป็นหนึ่งในวันที่ไม่ควรพลาดบนปฏิทินการแข่งขันกีฬากอล์ฟ โดยเป็นรายการเมเจอร์เพียงรายการเดียวที่มีการแข่งขันในทวีปยุโรป ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รายการแข่งขันนี้ได้กลายเป็นจุดรวมตัวของเหล่านักกอล์ฟหญิงผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่เข้ามาร่วมประลองฝีมือในการแข่งขันอันน่าจดจำและพร้อมได้รับการจารึกลงในประวัติศาสตร์แห่งชัยชนะของกีฬากอล์ฟ และแน่นอนว่า Rolex Testimonee ได้เข้าร่วมแสดงฝีมืออย่างยอดเยี่ยมในการแข่งขันรายการนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นชัยชนะของ Annika Sörenstam (ปี 2000 และ 2002), Suzann Pettersen (ปี 2013), Lydia Ko (ปี 2015), Anna Nordqvist (ปี 2017) และ Brooke Henderson (ปี 2022)

ในฐานะพันธมิตรและผู้จับเวลาอย่างเป็นทางการของรายการดิ อมุนดิ เอวิยอง แชมเปี้ยนชิพนับตั้งแต่ปี 2000 ทาง Rolex ได้เข้ามามีส่วนร่วมในรายการเมเจอร์ของนักกอล์ฟหญิงทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นรายการเชฟรอน แชมเปี้ยนชิพ, รายการยูเอส วีเมนส์ โอเพ่น, รายการเคพีเอ็มจี วี เมนส์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ และรายการเอไอจี วีเมนส์ โอเพ่น รวมถึงรายการแข่งขันหลักของกีฬากอล์ฟอย่างทัวร์นาเมนต์แอลพีจีเอ (สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี) และรายการแอลอีที (เลดีส์ ยูโรเปี้ยนทัวร์) ที่สำคัญทางแบรนด์ยังดำรงตำแหน่งพันธมิตรของรายการเอเอ็นดับเบิ้ลยูเอ (ออกัสต้า เนชั่นแนล วีเมนส์ อเมเจอร์) ซึ่งเป็นรายการกอล์ฟสำหรับผู้เล่นหญิงมือสมัครเล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกด้วย และผู้ผลิตนาฬิกาสัญชาติสวิสรายนี้ยังได้ส่งเสริมและฉลองความเป็นเลิศให้กับวงการนักกีฬาหญิงอย่างต่อเนื่องผ่านการมอบรางวัลต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรางวัลโรเล็กซ์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์, รางวัลโรเล็กซ์ แอนนิก้า เมเจอร์ อวอร์ด, รางวัลโรเล็กซ์ จูเนียร์ เพลเยอร์ ออฟ เดอะ เยียร์ และรางวัลหลุยส์ ซักก์ส โรเล็กซ์ รุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์

กอล์ฟเป็นมากกว่ากีฬา เนื่องจากเป็นการหลอมรวมค่านิยมต่างๆ ที่นำไปสู่การสร้างประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกับกีฬาประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำ ความหนักแน่น ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความเคารพ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ได้หยั่งรากลึกอยู่ในอัตลักษณ์ของ Rolex ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญที่ทำให้ Rolex เดินหน้าให้การสนับสนุนกีฬากอล์ฟอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 60 ปี พันธสัญญาอันยาวนานนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 1967 กับ Arnold Palmer ผู้คว้าชัยในตำนานร่วมกับ Jack Nicklaus และ Gary Player ซึ่งทั้งสามเป็นที่รู้จักในนามเดอะ บิ๊ก ทรี และในปัจจุบันสัมพันธภาพนี้ได้ขยายครอบคลุมไปยังสถาบันชั้นนำและรายการต่างๆ รวมไปถึงผู้เล่นชั้นยอดและผู้มีพรสวรรค์รุ่นใหม่ของวงการกอล์ฟอีกด้วย