Rolex Cosmograph Daytona ไอคอนที่มาเยือนอีกครั้งชั่วนิรันดร์
สององค์ประกอบที่ปรับเปลี่ยนใหม่ของ Oyster Perpetual Cosmograph Daytona ได้สรรสร้างความสมบูรณ์แบบแห่งสมดุลระหว่างความเที่ยงตรงและความล้ำค่าการผสมผสานของสีสันที่ลงตัวคืออีกบทหนึ่งในตำนานของนาฬิกาที่เปี่ยมด้วยความหลากหลาย
Rolex เปิดตัว Oyster Perpetual Cosmograph Daytona โฉมใหม่ 2 รุ่นพิเศษจากทองคำ 18 กะรัต พร้อมหน้าปัดเปลือกหอยมุกธรรมชาติที่มีสีตัดกันและประดับด้วยเพชรแปดเม็ด พร้อมด้วยเครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบโครมาไลท์สามชิ้น นาฬิกาทั้งสองเรือนรังสรรค์ขึ้นจากทองคำขาว 18 กะรัต และประดับด้วยขอบตัวเรือนประดับเพชรเจียระไนเหลี่ยมเกสร 36 เม็ด
รุ่นแรกติดตั้งมากับสาย Oysterflex และหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาว ที่มาพร้อมกับส่วนแสดงโครโนกราฟจากเปลือกหอยมุกสีดำ การผสมผสานของสีจะกลับกันในนาฬิกาอีกเรือน ซึ่งติดตั้งมาพร้อมกับสายนาฬิกา Oyster และหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีดำ ที่มาพร้อมส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กจากเปลือกหอยมุกสีขาว การออกแบบในลักษณะนี้ได้เผยให้เห็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่เปี่ยมด้วยเทคนิคอันเที่ยงตรงและแม่นยำอย่างมาก
Cosmograph Daytona มาพร้อมคาลิเบอร์ 4131 ซึ่งเป็นกลไกระดับแนวหน้าของเทคโนโลยีการผลิตนาฬิกาที่มาพร้อมสะพานจักรที่ตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève และมีลูกเหวี่ยงแบบคัตเอาต์ นอกเหนือไปจากการแสดงผลชั่วโมง นาที และวินาทีแล้ว คาลิเบอร์ 4131 ยังได้ทำให้ Cosmograph Daytona สามารถวัดรอบเวลาในฟังก์ชันจับเวลาได้
ความเร็วที่ไม่อาจหยุดยั้ง
Cosmograph Daytona เปิดตัวในปี 1963 โดยได้รับการออกแบบขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของนักแข่งรถมืออาชีพ นาฬิกาโครโนกราฟระดับตำนานรุ่นนี้คือเครื่องมือทางเลือกที่โดดเด่นสำหรับการวัดช่วงเวลาและกำหนดความเร็วเฉลี่ยในสนามแข่ง และตลอดช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของมัน นาฬิการุ่นนี้ได้เคยปรากฏโฉมในรุ่นที่มีสเกลวัดความเร็วประดับอัญมณีหลากสีและเพชรมาแล้ว
ตัวเรือน Oyster สัญลักษณ์ของการกันน้ำ
ตัวเรือน Oyster ขนาด 40 มม. ของ Cosmograph Daytona รับประกันการกันน้ำที่ความลึก 100 เมตร (330 ฟุต) ซึ่งนับว่าเป็นที่สุดในเรื่องของความทนทานและความน่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเม็ดมะยมไขลาน Triplock ที่ติดตั้งระบบกันน้ำสามชั้นและป้องกันโดยการ์ดป้องกันเม็ดมะยมที่ได้รับการเจาะยึดด้วยสกรูเข้ากับตัวเรือนอย่างแน่นหนา ทั้งยังมีปุ่มกดของโครโนกราฟด้วย ส่วนกระจกนาฬิกาได้ทำขึ้นจากแซฟไฟร์ที่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างแท้จริง ก่อนจะผ่านการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนอีกชั้น
Perpetual calibre 4131
Cosmograph Daytona ขับเคลื่อนด้วยกลไกคาลิเบอร์ 4131 ซึ่งเป็นกลไกโครโนกราฟที่ได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้นโดย Rolex แต่เพียงผู้เดียว เปิดตัวในปี 2023 และได้นำมาใช้กับนาฬิการุ่นนี้ในปีเดียวกัน มันมาพร้อมกับฟังก์ชันจับเวลาที่มีการลดทอนชิ้นส่วนให้น้อยลง และยกระดับประสิทธิภาพในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีคอลัมน์วีลและคลัตช์แนวดิ่งแบบทนทานที่ประกอบมาเพื่อให้นาฬิกาเริ่มเดินได้ในทันทีที่ใช้งานและมอบความแม่นยำสูงสุดให้นาฬิกา และสะพานจักรของกลไกคาลิเบอร์ 4131 ยังมาพร้อมกับการตกแต่งแบบ Rolex Côtes de Genève ที่เป็นการดัดแปลงการตกแต่ง Côtes de Genève แบบดั้งเดิมโดยการเพิ่มช่องเล็กๆ ระหว่างเข็มนาฬิกา
สายนาฬิกา Oysterflex และสายนาฬิกา Oyster
เรือนเวลาโฉมใหม่ทั้ง 2 รุ่นนี้มาพร้อมสายนาฬิกาที่เข้ากับสีของส่วนแสดงเวลาขนาดเล็ก โดยรุ่นที่มีส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีดำจะใช้สาย Oysterflex ส่วนรุ่นที่มีส่วนแสดงเวลาขนาดเล็กสีขาวจะใช้สาย Oyster
สายนาฬิกาอันเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex นี้ผลิตขึ้นจากแผ่นโลหะทรงโค้งมนที่มีความยืดหยุ่นสองชิ้น (ติดตั้งด้านละหนึ่งชิ้น) และหล่อทับด้วยอีลาสโตเมอร์สีดำประสิทธิภาพสูง
ส่วนสายนาฬิกา Oyster แบบข้อต่อสามชิ้นได้พัฒนาขึ้นในช่วงปลายทศวรรษ 1930 และขึ้นชื่อในด้านความทนทานอย่างมาก ทั้งยังเป็นสายนาฬิกาโลหะที่มีความเป็นสากลมากที่สุดในคอลเล็กชัน Oyster Perpetual ด้วย
การรับรอง Superlative Chronometer
ดังเช่นนาฬิกาของ Rolex ทุกเรือน Oyster Perpetual Cosmograph Daytona ได้รับการรับรอง Superlative Chronometer ตามนิยามใหม่ที่ Rolex กำหนดขึ้นในปี 2015 สถานะดังกล่าวเป็นเครื่องยืนยันว่านาฬิกาทุกเรือนที่ออกจากโรงผลิตได้ผ่านการทดสอบที่ควบคุมโดย Rolex ภายในห้องปฏิบัติการตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยเป็นไปตามการรับรองกลไกการทำงานอย่างเป็นทางการโดย Swiss Official Chronometer Testing Institute (COSC)