สาย Oysterflex
สาย Oysterflex โฉมใหม่ของ Sky-Dweller ที่ได้รับการพัฒนาโดย Rolex และผ่านการจดสิทธิบัตรนั้นเป็นสายนาฬิกาทรงสปอร์ตที่นำมาให้เลือกพิจารณาแทนสายโลหะ ประกอบเข้ากับตัวเรือนและชุดตัวล็อกนิรภัย Oysterclasp ด้วยแผ่นไทเทเนียมและแผ่นโลหะนิกเกิลอัลลอยที่มีความยืดหยุ่น ตัวล็อกทำจากอีลาสโตเมอร์สีดำอันทรงสมรรถนะ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมเป็นพิเศษ และกระชับเข้ากับข้อมือของผู้สวมใส่นาฬิกา ด้านในของสาย Oysterflex ประกอบด้วยระบบหนุนรองตามแนวนอนที่ Rolex ได้ทำการจดสิทธิบัตรไว้ เพื่อให้สวมใส่สบายและช่วยยึดนาฬิกาบนข้อมือของผู้สวมใส่ให้คงที่ พร้อมกับชุดตัวล็อกนิรภัยทองคำขาว 18 กะรัต Oysterclasp มันทำงานร่วมกับระบบขยายสาย Rolex Glidelock ที่ออกแบบโดยแบรนด์และผ่านการจดสิทธิบัตรเช่นกัน งานประดิษฐ์กลไกฟันจักรที่ประกอบอยู่ภายใต้ชุดตัวล็อกนี้ช่วยให้สามารถปรับขยายความยาวของสายนาฬิกาเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 2.5 มม. จากความยาวทั้งหมด 15 มม. โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ
ทองคำขาว 18 กะรัต
จากการใช้งานโรงหล่อเฉพาะของแบรนด์ ทำให้ Rolex สามารถหล่อโกลด์อัลลอย 18 กะรัต คุณภาพสูงสุดได้อย่างเหนือชั้น ตามสัดส่วนของเงิน ทองแดง แพลทินัม หรือพาลาเดียมที่เติมเข้าไป จะได้ทอง 18 กะรัตประเภทต่างๆ เช่น ทองคำ ทองคำขาว และ Everose gold โดยจะผลิตจากโลหะที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุดเพียงเท่านั้น และผ่านการตรวจสอบภายในห้องปฏิบัติการของ Rolex อย่างพิถีพิถันด้วยเครื่องมือทันสมัย ก่อนที่จะมีการหล่อและขึ้นรูปทองคำ ด้วยความใส่ใจในคุณภาพของทุกขั้นตอน ความมุ่งมั่นของ Rolex ในด้านความเป็นเลิศนั้นเริ่มต้นนับตั้งแต่แหล่งกำเนิด
หน้าปัดสีดำสว่าง
รูปสามเหลี่ยมสีแดงกลับหัวบนหน้าปัดจะชี้ไปที่เวลาอ้างอิงที่ผู้สวมใส่เลือก ส่วนเวลาในถิ่นพำนักหรือที่ทำงานของนักเดินทางอ่านได้จากดิสก์ 24 ชั่วโมงที่ตั้งอยู่เยื้องศูนย์กลาง ส่วนแสดงผล 24 ชั่วโมงนี้ช่วยให้นักเดินทางแยกเวลาช่วงกลางวันออกจากเวลาตอนกลางคืนได้อย่างชัดเจนในเขตเวลาที่ห่างไกล ปัจจุบันหน้าปัดประกอบด้วยเครื่องหมายบอกชั่วโมงรูปสี่เหลี่ยมและเข็มบอกเวลาที่ยาวขึ้น และหน้าปัดโครมาไลท์เรืองแสงที่ส่องสว่างตลอดเวลาทำให้อ่านเวลาได้ง่ายขึ้น สี่เหลี่ยมสีแดงเข้มบริเวณ 1 ใน 12 ช่องรอบหน้าปัดแสดงเดือนปัจจุบัน และโดดเด่นด้วยคุณลักษณะพิเศษของปฏิทินรายปี Saros กลไกอันชาญฉลาดนี้ทำให้ผู้สวมใส่ใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายโดยไม่จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องการตั้งวันที่เมื่อสิ้นสุดเดือนที่มี 30 วัน และปฏิทินรายปีจะแสดงวันที่ได้อย่างถูกต้องตลอดทั้งปี โดยต้องปรับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือวันที่ 1 มีนาคม (เนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์มีเพียง 28 หรือ 29 วัน) วันที่จะเชื่อมโยงกับเวลาท้องถิ่นและเปลี่ยนอัตโนมัติตามเขตเวลาท้องถิ่นของนักเดินทาง