ย้อนกลับไปเมื่อ 14 ปีก่อนในเดือนตุลาคม 2011: หลายคนคิดว่าพวกเขารู้จักและเข้าใจ MB&F อย่างลึกซึ้ง หลังจากที่แบรนด์ได้เปิดตัวนาฬิกา Horological Machines ทั้งสี่รุ่น ซึ่งแต่ละเรือนสะท้อนถึงความกล้าหาญและการท้าทายขีดจำกัดของนาฬิกาในทุกๆ หลังจากนั้น Maximilian Büsser ผู้ก่อตั้ง MB&F ตัดสินใจว่า ถึงเวลาแล้วที่จะทำสิ่งใหม่อีกครั้ง การทลายขนบธรรมเนียมผ่านการคิดนอกกรอบจะต้องทำอย่างไร? คำตอบคือการหันกลับไปสำรวจประวัติศาสตร์ แต่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ที่คุ้นเคย นาฬิกา Horological Machines ของ MB&F ได้รับแรงบันดาลใจจากอนาคตที่จินตนาการถึง ดังนั้นการสร้าง Legacy Machines จึงเป็นการนำแรงบันดาลใจจากอดีตที่ถูกจินตนาการขึ้นเช่นกัน หรืออีกนัยหนึ่ง: หาก MB&F ได้ออกแบบนาฬิกาในยุคทองของการผลิตนาฬิกาเมื่อร้อยปีที่แล้ว ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร?

2011 หลังจากการเปิดตัว Horological Machines ที่พิเศษถึงสี่เรือน MB&F ได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการนาฬิกา ด้วยการเปิดตัว Legacy Machine No1 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของคอลเลกชั่นใหม่ที่มีดีไซน์คลาสสิคยิ่งขึ้น

2012 LM1 คว้ารางวัลไม่เพียงแค่รางวัลเดียว แต่ได้สองรางวัลจาก Grand Prix d’Horlogerie de Genève ได้แก่ รางวัล Public Prize (ที่ได้รับการโหวตจากผู้ชื่นชอบนาฬิกา) และรางวัล Best Men’s Watch Prize (ที่ได้รับการโหวตจากคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ)

2013 Legacy Machine No2: สองปีหลังจากการเปิดตัว Legacy Machine เรือนแรก LM2 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ MB&F ในการพัฒนาคอลเลกชั่น Legacy Machine ด้วยนาฬิกาที่มีความซับซ้อน ซึ่งย้อนรำลึกถึงผลงานของช่างนาฬิกาผ่านระบบเรกูเลเตอร์คู่

2013 Legacy Machine No2: สองปีหลังจากการเปิดตัว Legacy Machine เรือนแรก LM2 แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ MB&F ในการพัฒนาคอลเลกชั่น Legacy Machine ด้วยนาฬิกาที่มีความซับซ้อน ซึ่งย้อนรำลึกถึงผลงานของช่างนาฬิกาผ่านระบบเรกูเลเตอร์คู่

2015 MB&F ร่วมมือกับ Stephen McDonnell เพื่อพลิกโฉมกลไกปฏิทินถาวรแบบดั้งเดิม ผลลัพธ์คือ Legacy Machine Perpetual ที่สะท้อนนวัตกรรมใหม่ ซึ่งมอบความเชื่อถือได้และใช้งานอย่างง่ายดาย

2016 คอลเลกชั่น Legacy Machines ต้อนรับผลงาน "Performance Art" เรือนที่สอง: LM1 Silberstein ที่สร้างสรรค์ร่วมกับดีไซเนอร์ชื่อดังชาวฝรั่งเศส Alain Silberstein และในงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève, รางวัล Best Calendar Watch ตกเป็นของ LM Perpetual

2017 ร่วมทำงานกับ Stephen McDonnell อีกครั้ง ทาง MB&F นำเสนอ LM Split Escapement (LM SE) ที่แสดงให้เห็นถึงความงามของบาลานซ์วีลแบบลอยตัวและกลไก Split Escapement ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการออกแบบสำหรับ LM Perpetual

2019 ในเดือนมีนาคม ทาง MB&F เลือกคอลเลกชั่น Legacy Machine เพื่อเปิดตัวนาฬิกาเรือนแรกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากผู้หญิงในครอบครัวของผู้ก่อตั้ง MB&F, Maximilian Büsser, นั่นคือรุ่น LM FlyingT

ในเดือนพฤศจิกายน คอลเลกชั่น Legacy Machine คว้ารางวัล Grand Prix d’Horlogerie de Genève ครั้งที่สี่: LM FlyingT คว้ารางวัล Best Ladies’ Complication Prize

ในเดือนธันวาคม ทาง MB&F และช่างนาฬิกาชื่อดัง Eric Coudray ทำลายสถิติโลกด้วยผลงาน LM Thunderdome, Triple-axis regulators ที่เร็วที่สุดในโลก

2020 MB&F ร่วมกับแบรนด์นาฬิกาอิสระ H. Moser & Cie สร้างสรรค์นวัตกรรมด้วยความร่วมมือในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ผลลัพธ์คือ LM101 MB&F x H. Moser และ Endeavour Cylindrical Tourbillon H. Moser x MB&F

MB&F และ Eddy Jaquet หนึ่งในช่างสลักผู้มีความเชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของวงการนาฬิกา ได้นำเสนอซีรีส์นาฬิกา LM Split Escapement จำนวน 8 เรือนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายของ Jules Verne

MB&F เลือกคอลเลกชั่น Legacy Machine เพื่อนำเสนอการพัฒนาครั้งสำคัญอีกขั้น: นาฬิกาเรือนแรกที่มีคำว่า "EVO" ต่อท้าย ซึ่งออกแบบมาเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน LM Perpetual EVO “ไม่ใช่เพียงแค่นาฬิกาสำหรับกีฬา แต่คือ นาฬิกาสำหรับการใช้ชีวิต”

2021 ฉลองครบรอบ 10 ปีของ Legacy Machines ด้วยการเปิดตัว LMX โดยยังคงสะท้อนคุณลักษณะของ LM1 แต่ในรูปแบบใหม่ทั้งหมด LMX มาพร้อมกับการแสดงเวลาสองไทม์โซนและพลังงานสำรองแบบสามมิติ ขณะที่หน้าปัดที่เอียงทำมุมพอเหมาะและการออกแบบตัวเรือนที่ลื่นไหลได้รับแรงบันดาลใจจาก LM FlyingT และ LM Thunderdome

ในงาน GPHG ทาง MB&F คว้าสองรางวัล ได้แก่ รางวัล Best Men’s Complication (สำหรับ LMX) และ Artisanal Crafts (สำหรับ LM Split Escapement Eddy Jaquet)

2022 การเปิดตัว LM Sequential EVO – โครโนกราฟคู่ที่มาปฏิวัติวงการ ซึ่งไม่เพียงแต่แก้ไขข้อจำกัดทางเทคนิคของโครโนกราฟทั่วไป แต่ยังนำเสนอการผสมผสานฟังก์ชั่นการจับเวลาใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน: การจับเวลาที่เป็นอิสระ, การจับเวลาแบบหยุดชั่วขณะ, การจับเวลาแบบลำดับและการจับเวลาแบบผสมผสาน

ในปีเดียวกันนั้น ในงาน GPHG คณะกรรมการตัดสินได้ยอมรับถึงความเป็นเลิศในนวัตกรรมของ LM Sequential EVO ด้วยการมอบรางวัลอันทรงเกียรติ Aiguille d'Or ให้เป็นนาฬิกาที่ดีที่สุดแห่งปี

การเปิดตัว LM Split Escapement EVO รุ่นที่ออกแบบสำหรับการใช้ชีวิตที่คล่องตัวและเต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉง ซึ่งเป็นเวอร์ชั่น EVO ของ LM Split Escapement

2024 การเปิดตัว LM Sequential Flyback – ซึ่งเพิ่มโหมดการจับเวลาแบบ Flyback เข้ากับชุดโหมดการจับเวลาอันน่าทึ่งที่มีอยู่แล้วในกลไก Sequential ภายในตัวเรือน Legacy Machine แบบคลาสสิค

MB&F เปิดตัวซีรี่ส์ใหม่จำนวน 8 เรือน Pièces Uniques ที่สร้างขึ้นร่วมกับช่างสลักผู้ชำนาญ Eddy Jaquet – โดยแต่ละเรือนได้รับแรงบันดาลใจจากนวนิยายคลาสสิค

2025 MB&F เริ่มต้นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปี ของ Legacy Machine ด้วยการเปิดตัวนาฬิกาที่ผลิตจำนวนจำกัดสองรุ่นพิเศษ ที่มาพร้อมกับตัวเรือนสเตนเลสสตีล, พื้นหน้าปัดย่อยสีดำ, เข็มสีน้ำเงิน และตัวเชื่อมสายที่ยาวขึ้น ในชื่อรุ่น LM Perpetual Longhorn และ LM Sequential Flyback Longhorn ทั้งสองรุ่นผลิตจำนวนจำกัดเพียงรุ่นละ 20 เรือน